ผิดไหมคะที่ขโมยสัญญาณของเพื่อนบ้านมาใช้
พี่เกลคะ
ดิฉันมี wireless card ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และสามารถรับสัญญาณ internet ได้ในบ้านของดิฉัน ก็เลยใช้ internet ได้ฟรี โดยไม่ต้องจ่ายค่า internet เลย คาดว่าสัญญาณ internet นั้นมาจากของเพื่อนบ้านค่ะ ผิดไหมคะที่จะขโมยสัญญาณของเพื่อนบ้านมาใช้
อ้วน, North Carolina
--------------------------------------------------------------------------------
คุณอ้วน, North Carolinaคะ
ประเด็นนี้มองได้สองมุมค่ะ เพื่อนบ้านหรือบริษัท internet provider อาจฟ้องคุณได้ในข้อหาขโมยสัญญาณ ในทางกลับกันคุณก็สามารถฟ้องเพื่อนบ้านได้ในข้อหาก่อความรำคาญ และอันตรายต่อสุขภาพของคุณด้วยการวาง antenna อยู่ใกล้กำแพงของคุณเกินไป เพราะตามกฏหมายอเมริกันนั้น คุณมีสิทธิที่จะถูกปกป้องจากการกระทำของเพื่อนบ้านที่จะทำให้เกิด “การรบกวน” (nuisances) ในรูปแบบต่างๆ เช่นปลูกต้นไม้บังแสง เปิดเพลงเสียงดัง มีขยะที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น หรือแม้แต่ส่งสัญญาณ wireless ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณ คงเคยได้ยินว่ายังไม่มีรายงานที่เป็นทางการฉบับใดที่ยืนยันว่าสัญญาณ wireless นั้นไม่เป็นอันตรายต่อสมอง หรือระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์
ผิดในแง่กฏหมายหรือเปล่า…เพื่อนบ้านของคุณเขามีวิธีป้องกันไม่ให้คนอื่นขโมยสัญญาณใช้ได้ แต่เขาไม่ทำเองนี่คะ
ผิดในแง่ศีลธรรมไหมที่คุณเอาสัญญาณที่มีอยู่ในอากาศในห้องของคุณมาใช้ เกลว่าไม่ผิด อย่าไปเรียกว่า “ขโมย” เลยค่ะ สัญญาณมันมีอยู่แล้วในอากาศ แล้วห้องของคุณบังเอิญอยู่ในตำแหน่งที่มีสัญญาณชัดพอที่จะเอามาใช้ browse internet ไ้ด้ฟรีๆ
แต่ถ้าคุณอ้วนยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ก็บอกเพื่อนบ้านของคุณก็ได้ค่ะ แล้วช่วยกันแชร์ค่า internet ยิ่งหาเครื่องขยายสัญญาณมารวมกันหลายๆ บ้านได้ยิ่งดี ก่อให้เกิดความร่วมมือกันในชุมชนเพื่อต่อต้านการค้ากำไรเกินควรของบริษัท internet provider ค่ะ
ในอเมริกานี่เขาให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนบุคคลมาก ทัศนคติแบบ “นี่ของฉัน นั่นของเธอ” นั้นบางครั้งก็ทำให้คนเกิดการประจันหน้ากันและไม่เป็นมิตรต่อกัน เกิดการฟ้องร้องกันตลอดเวลา คนที่ได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของคนอื่นก็คือทนายความนั่นไง อันที่จริงแล้วสังคมน่าจะเกิดความร่วมมือร่วมใจกันมากกว่าเมื่อคนให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนบุคคลน้อยลง และให้ความสำคัญกับการแบ่งปันกันใช้มากขึ้น ดูอย่างเมืองไทยสิคะ เพื่อนกันก็ปั๊ม cd แบ่งกันฟังเป็นว่าเล่นเลย ทำให้เกิดความสนุกสนานและกระชับความเป็นมิตรให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่รัฐบาลของเราต้องเอาใจอเมริกา และรับความคิดแบบอเมริกันมาโดยไม่วิเคราะห์ถึงความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย เอะอะก็จะบังคับใช้กฏหมายลิขสิทธิ์ตามอย่างมะกันเป๊ะๆ อันนี้พี่เกลไม่สนับสนุนค่ะ
อุ๊ย…เผลอคุยเลยเถิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ สรุปแล้วก็ใช้สัญญาณฟรีต่อไปเถอะค่ะ แต่ถ้าเซ็กซ์กับแฟนคุณเริ่มไม่ดีขึ้นมา ระวังอาจเป็นเพราะสัญญาณ wireless ก็ได้ค่ะ
เกล
ดิฉันมี wireless card ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และสามารถรับสัญญาณ internet ได้ในบ้านของดิฉัน ก็เลยใช้ internet ได้ฟรี โดยไม่ต้องจ่ายค่า internet เลย คาดว่าสัญญาณ internet นั้นมาจากของเพื่อนบ้านค่ะ ผิดไหมคะที่จะขโมยสัญญาณของเพื่อนบ้านมาใช้
อ้วน, North Carolina
--------------------------------------------------------------------------------
คุณอ้วน, North Carolinaคะ
ประเด็นนี้มองได้สองมุมค่ะ เพื่อนบ้านหรือบริษัท internet provider อาจฟ้องคุณได้ในข้อหาขโมยสัญญาณ ในทางกลับกันคุณก็สามารถฟ้องเพื่อนบ้านได้ในข้อหาก่อความรำคาญ และอันตรายต่อสุขภาพของคุณด้วยการวาง antenna อยู่ใกล้กำแพงของคุณเกินไป เพราะตามกฏหมายอเมริกันนั้น คุณมีสิทธิที่จะถูกปกป้องจากการกระทำของเพื่อนบ้านที่จะทำให้เกิด “การรบกวน” (nuisances) ในรูปแบบต่างๆ เช่นปลูกต้นไม้บังแสง เปิดเพลงเสียงดัง มีขยะที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น หรือแม้แต่ส่งสัญญาณ wireless ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณ คงเคยได้ยินว่ายังไม่มีรายงานที่เป็นทางการฉบับใดที่ยืนยันว่าสัญญาณ wireless นั้นไม่เป็นอันตรายต่อสมอง หรือระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์
ผิดในแง่กฏหมายหรือเปล่า…เพื่อนบ้านของคุณเขามีวิธีป้องกันไม่ให้คนอื่นขโมยสัญญาณใช้ได้ แต่เขาไม่ทำเองนี่คะ
ผิดในแง่ศีลธรรมไหมที่คุณเอาสัญญาณที่มีอยู่ในอากาศในห้องของคุณมาใช้ เกลว่าไม่ผิด อย่าไปเรียกว่า “ขโมย” เลยค่ะ สัญญาณมันมีอยู่แล้วในอากาศ แล้วห้องของคุณบังเอิญอยู่ในตำแหน่งที่มีสัญญาณชัดพอที่จะเอามาใช้ browse internet ไ้ด้ฟรีๆ
แต่ถ้าคุณอ้วนยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ก็บอกเพื่อนบ้านของคุณก็ได้ค่ะ แล้วช่วยกันแชร์ค่า internet ยิ่งหาเครื่องขยายสัญญาณมารวมกันหลายๆ บ้านได้ยิ่งดี ก่อให้เกิดความร่วมมือกันในชุมชนเพื่อต่อต้านการค้ากำไรเกินควรของบริษัท internet provider ค่ะ
ในอเมริกานี่เขาให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนบุคคลมาก ทัศนคติแบบ “นี่ของฉัน นั่นของเธอ” นั้นบางครั้งก็ทำให้คนเกิดการประจันหน้ากันและไม่เป็นมิตรต่อกัน เกิดการฟ้องร้องกันตลอดเวลา คนที่ได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของคนอื่นก็คือทนายความนั่นไง อันที่จริงแล้วสังคมน่าจะเกิดความร่วมมือร่วมใจกันมากกว่าเมื่อคนให้ความสำคัญกับสมบัติส่วนบุคคลน้อยลง และให้ความสำคัญกับการแบ่งปันกันใช้มากขึ้น ดูอย่างเมืองไทยสิคะ เพื่อนกันก็ปั๊ม cd แบ่งกันฟังเป็นว่าเล่นเลย ทำให้เกิดความสนุกสนานและกระชับความเป็นมิตรให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่รัฐบาลของเราต้องเอาใจอเมริกา และรับความคิดแบบอเมริกันมาโดยไม่วิเคราะห์ถึงความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย เอะอะก็จะบังคับใช้กฏหมายลิขสิทธิ์ตามอย่างมะกันเป๊ะๆ อันนี้พี่เกลไม่สนับสนุนค่ะ
อุ๊ย…เผลอคุยเลยเถิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ สรุปแล้วก็ใช้สัญญาณฟรีต่อไปเถอะค่ะ แต่ถ้าเซ็กซ์กับแฟนคุณเริ่มไม่ดีขึ้นมา ระวังอาจเป็นเพราะสัญญาณ wireless ก็ได้ค่ะ
เกล
2 Comments:
หากคิดว่าผิดก็คงจะไม่ถูกเสียที่เดียว แต่ครั้นว่าไม่ผิดก็ดูจะเห็นแก่ได้จนเกินงาม เป็นอันว่างานเนี้ย ต้องยกให้ว่าขึ้นอยู่กับการใช่วิจารณญานก็แล้วกันนะครับ
By Anonymous, At 9/14/2007 03:01:00 PM
ผิดค่ะ
ทำอะไรอยู่ภายใต้ศีลธรรมไว้ให้มาก อย่าคิดถึงแต่แง่ของความถูกต้องอย่างเดียว
ถูกต้อง แต่ไม่อยู่ในศีลธรรม มันดีงั้นหรือ ?
By Anonymous, At 12/19/2009 03:18:00 PM
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home