เพลงร็อค - ทาส - และ sex
สมัยผมเป็นเด็กวัยรุ่นก็ตื่นเต้นกับมันมาก ผมกับเพื่อนๆหลายคนก็พากันโดดเรียน ไปแจมไปดิ้นกับรุ่นพี่เป็นประจํา แต่พี่ตุ่ยมักจะออกมาตักเตือนอยู่บ่อยๆว่า "ถ้ามึงอยากจะเล่น Rock มึงต้องเข้าใจ Blues ก่อน และถ้ามึงจะเข้าใจ Blues ได้ มึงจะต้องรู้ซึ้งถึงความทุกข์...."
ฟังดูแล้วไม่เห็นจะเหมือนกับภาพแสงสีตัณหาอันเร่าร้อน ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเลย "ความทุกข์" นี่หรือคือต้นกําเนิดของดนตรี Rock ?
เมื่อผมได้มาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ผมก็เริ่มค้นคว้าเรื่องราวความเป็นมาของดนตรี Rock ต่อจนได้เค้าได้้ความพอจะหายคัน
ดนตรี Rock มีรากฐานมาจากดนตรีบลูส์ (Blues) ซึ่งมีกําเนิดโดยคนผิวดําที่ถูกฝรั่งจับมาเป็นทาส คนผิวดําเหล่านี้ถูกฝรั่งใช้งานอย่างหนักในการปลูกฝ้าย และยาสูบในภาคใต้ของสหรัฐ (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1600s) เวลาทํางานในไร่ เขาจะฆ่าเวลาอันทุกข์ ทรมาณของเขา ด้วยการร้องเพลงเป็นจังหวะ ขุดดิน เหวี่ยงจอบเป็นจังหวะไปพร้อมๆกัน
นี่แหละครับ คือที่ที่มาของดนตรีบลูส์ ซึ่งจะมีลักษณะเด่นคือการขับร้องและเล่นโดยใช้ Pentatonic Scale คือว่ามันจะมีเสียงโน๊ตหลักๆอยู่เพียงห้าเสียงนั่นเอง สมมุติว่าท่านใช้คอร์ด C7 เป็นจุดเริ่มของเพลง ท่านจะพบว่าเสียงใน Pentatonic Scale นั้นจะมีโน๊ตตัว C, D#, F, G, A#, และ C สูง แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้จํากัดอยู่เพียงแค่นั้น ในเรื่องของจังหวะนั้น ดนตรีบลูส์ จะมีจังหวะที่หลากหลายและจับฉ่ายที่สุด ตั้งแต่ ช้าลากดิน จนถึงแบบ ช้างตกมัน ไอ้ที่เร็วแบบ"ช้างตกมัน" นี่แหละครับที่เป็นจุดเริ่มต้นของคนตรี Rock
ศิลปินที่เล่นบลูส์แบบ "ช้างตกมัน" ในช่วงแรกๆของการบันทึกเสียง (1920s-1950s) ที่หาฟังกันได้ก็จะมี Robert Johnson, Muddy Waters, Mead "Lux" Lewis, Chuck Berry, Little Richard, และ Bo Diddley
ศิลปินเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนผิวดําทั้งนั้น ทําให้สังคมอเมริกัน (ซึ่งเป็นสังคมเหยียดผิวในขณะนั้น) รับไม่ได้ และจําต้องพยายามหานักร้องฝรั่งอย่างเช่น Elvis Presley, Pat Boone, Jerry Lee Lewis, Bill Haley มาเสียบมาร้องแทน แม้ว่าเพลงที่นํามาขับร้องนั้น จะเป็นเพลงของศิลปินผิวดําแทบทุกเพลงก็ตาม (คงเหมือนกับบ้านเราในช่วงหนึ่ง ที่จะต้องมีนักร้องเป็น"ลูกครึ่ง" ละกระมัง)
ในช่วง 1950s นั้น แม้ว่าวัยรุ่นมะกันจะรับศิลปินผิวดําไม่ได้ก็ตาม เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่อีกฝั่งของมหาสมุทรแอ็ดแลนติก กําลังบ้าคลั่งกับศิลปินผิวดําเป็นจํานวนมาก จนทําให้เกาะอังกฤษนั้นกลายเป็นจุดกําเนิดของวง Rock กันหลายวง และที่ออกจะมีชื่อเอามากในช่วง 1960s ก็คือ The Beatles และ The Rolling Stones
วงคนตรีทั้งสองนี้แตกต่างจากนักร้องอย่าง Elvis Presley หรือ Pat Boone ตรงที่ พวกเขาสามารถแต่งเพลงเองได้ และทําให้เกิดกระแสใหม่หลายอย่างในเพลง Rock อย่างเช่นการใช้กีต้าร์ "เสียงแตก"(Distortion) เพื่อสร้างนํ้าหนักและตอบสนองวิญญาณกบฎ ของเด็กรุ่นใหม่ The Beatles และ The Rolling Stones สามารถเข้าถึงวิญญาณที่แท้จริง ของเด็กวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกาได้ดีกว่าศิลปินมะกันอย่าง Elvis Presley ซึ่งเลือกที่จะอยู่ฝ่ายรัฐบาล (อย่างการยอมเข้าเกณฑ์ทหาร) นอกจากนั้นแล้วเพลงของ The Beatles สมัยปลายปี 1960s ยังมีเรื่องกบฎการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเสียด้วย อย่างเช่นเพลง "Back in the USSR" และ "Revolution" ซึ่งทําให้ John Birch Society ในสหรัฐต้องออกมาประกาศว่าวง The Beatles นั้นเป็นวง "คอมมิวนิส" ไม่เหมาะสมสําหรับเยาวชน (ฮา)
พอถึงยุค 1970s กระแสของวง Rock จากเกาะอังกฤษก็ยิ่งกําเริบหนักโดยมีวงใหม่ๆอย่าง The Who และ Led Zeppelin มาร่วมแจมด้วยทําให้ตลาดบันเทิงในสหรัฐเต็มไปด้วยศิลปิน Rock จากอังกฤษ จนเรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงของวงการเพลงสหรัฐในการตอบสนอง ความต้องการของคนรุ่นใหม่ เหมือนกับจะเป็นข้อเตือนให้เห็นว่า การเหยียดผิว ไม่ยอมรับศิลปินผิวดําของตน หรือการ "White Wash" ศิลปินดังกล่าวโดยใช้ Elvis หรือ Pat Boon นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และทําให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรุ่นใหม่ กับวงการบันเทิง
เรื่องสุดท้ายที่ขาดไม่ได้จากประวัติของดนตรี Rock ก็คือเรื่องเซ็กซ์ ผมยังจําได้ถึงเมื่อคราวเริ่มแตกหนุ่ม ได้ไปชม concert ของศิลปินสาวท่านหนึ่ง
สะโพกรุ่นยักษ์ของเธอ ส่ายสะบัดไปตามจังหวะอันหนักหน่วง บรรเลงด้วยตัณหา อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่หยุดไม่ยั้ง เพลงแล้วเพลงเล่า จนผู้ชมนับพัน ต้องระเบิดขึ้นด้วยอารมณ์ ร้อนเดือด ราวกับฝูงสัตว์ที่ถูกเผาด้วยคําสาป ของเทพยดากาลี.....ไอ้โต่งเพื่อนซี้ มันต้องถึงกับนํ้าแตกแยกทางไปทีเดียว
ทําไมเพลง Rock จึงมีเรื่องเซ็กซ์เจอปนอยู่มากนั้น เราคงต้องไม่ลืมว่า จริงๆแล้วเพลง Rock ก็คือเพลง Blues แบบ "ช้างตกมัน" นั่นเอง ในเพลงบลูส์นั้นเรื่องเซ็กซ์มักจะเป็นเรื่องที่ขับร้องกันได้เป็นของธรรมดา เพราะมันเป็นคนตรีของชนชั้นล่าง แล้วชนชั้นล่างที่เป็นทาสหรือคนจนในสังคมมะกัน เขาจะมีทางเลือกหรือทางออกในแง่บันเทิง อะไรได้เล่า นอกจากการเขย่าเคล้าคลึงกันบนเตียง อย่างที่เคยมีคํากล่าวไว้ว่า
"Bed is a poor man's grand opera"
ฟังดูแล้วไม่เห็นจะเหมือนกับภาพแสงสีตัณหาอันเร่าร้อน ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเลย "ความทุกข์" นี่หรือคือต้นกําเนิดของดนตรี Rock ?
เมื่อผมได้มาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ผมก็เริ่มค้นคว้าเรื่องราวความเป็นมาของดนตรี Rock ต่อจนได้เค้าได้้ความพอจะหายคัน
ดนตรี Rock มีรากฐานมาจากดนตรีบลูส์ (Blues) ซึ่งมีกําเนิดโดยคนผิวดําที่ถูกฝรั่งจับมาเป็นทาส คนผิวดําเหล่านี้ถูกฝรั่งใช้งานอย่างหนักในการปลูกฝ้าย และยาสูบในภาคใต้ของสหรัฐ (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1600s) เวลาทํางานในไร่ เขาจะฆ่าเวลาอันทุกข์ ทรมาณของเขา ด้วยการร้องเพลงเป็นจังหวะ ขุดดิน เหวี่ยงจอบเป็นจังหวะไปพร้อมๆกัน
นี่แหละครับ คือที่ที่มาของดนตรีบลูส์ ซึ่งจะมีลักษณะเด่นคือการขับร้องและเล่นโดยใช้ Pentatonic Scale คือว่ามันจะมีเสียงโน๊ตหลักๆอยู่เพียงห้าเสียงนั่นเอง สมมุติว่าท่านใช้คอร์ด C7 เป็นจุดเริ่มของเพลง ท่านจะพบว่าเสียงใน Pentatonic Scale นั้นจะมีโน๊ตตัว C, D#, F, G, A#, และ C สูง แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้จํากัดอยู่เพียงแค่นั้น ในเรื่องของจังหวะนั้น ดนตรีบลูส์ จะมีจังหวะที่หลากหลายและจับฉ่ายที่สุด ตั้งแต่ ช้าลากดิน จนถึงแบบ ช้างตกมัน ไอ้ที่เร็วแบบ"ช้างตกมัน" นี่แหละครับที่เป็นจุดเริ่มต้นของคนตรี Rock
ศิลปินที่เล่นบลูส์แบบ "ช้างตกมัน" ในช่วงแรกๆของการบันทึกเสียง (1920s-1950s) ที่หาฟังกันได้ก็จะมี Robert Johnson, Muddy Waters, Mead "Lux" Lewis, Chuck Berry, Little Richard, และ Bo Diddley
ศิลปินเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนผิวดําทั้งนั้น ทําให้สังคมอเมริกัน (ซึ่งเป็นสังคมเหยียดผิวในขณะนั้น) รับไม่ได้ และจําต้องพยายามหานักร้องฝรั่งอย่างเช่น Elvis Presley, Pat Boone, Jerry Lee Lewis, Bill Haley มาเสียบมาร้องแทน แม้ว่าเพลงที่นํามาขับร้องนั้น จะเป็นเพลงของศิลปินผิวดําแทบทุกเพลงก็ตาม (คงเหมือนกับบ้านเราในช่วงหนึ่ง ที่จะต้องมีนักร้องเป็น"ลูกครึ่ง" ละกระมัง)
ในช่วง 1950s นั้น แม้ว่าวัยรุ่นมะกันจะรับศิลปินผิวดําไม่ได้ก็ตาม เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่อีกฝั่งของมหาสมุทรแอ็ดแลนติก กําลังบ้าคลั่งกับศิลปินผิวดําเป็นจํานวนมาก จนทําให้เกาะอังกฤษนั้นกลายเป็นจุดกําเนิดของวง Rock กันหลายวง และที่ออกจะมีชื่อเอามากในช่วง 1960s ก็คือ The Beatles และ The Rolling Stones
วงคนตรีทั้งสองนี้แตกต่างจากนักร้องอย่าง Elvis Presley หรือ Pat Boone ตรงที่ พวกเขาสามารถแต่งเพลงเองได้ และทําให้เกิดกระแสใหม่หลายอย่างในเพลง Rock อย่างเช่นการใช้กีต้าร์ "เสียงแตก"(Distortion) เพื่อสร้างนํ้าหนักและตอบสนองวิญญาณกบฎ ของเด็กรุ่นใหม่ The Beatles และ The Rolling Stones สามารถเข้าถึงวิญญาณที่แท้จริง ของเด็กวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกาได้ดีกว่าศิลปินมะกันอย่าง Elvis Presley ซึ่งเลือกที่จะอยู่ฝ่ายรัฐบาล (อย่างการยอมเข้าเกณฑ์ทหาร) นอกจากนั้นแล้วเพลงของ The Beatles สมัยปลายปี 1960s ยังมีเรื่องกบฎการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเสียด้วย อย่างเช่นเพลง "Back in the USSR" และ "Revolution" ซึ่งทําให้ John Birch Society ในสหรัฐต้องออกมาประกาศว่าวง The Beatles นั้นเป็นวง "คอมมิวนิส" ไม่เหมาะสมสําหรับเยาวชน (ฮา)
พอถึงยุค 1970s กระแสของวง Rock จากเกาะอังกฤษก็ยิ่งกําเริบหนักโดยมีวงใหม่ๆอย่าง The Who และ Led Zeppelin มาร่วมแจมด้วยทําให้ตลาดบันเทิงในสหรัฐเต็มไปด้วยศิลปิน Rock จากอังกฤษ จนเรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงของวงการเพลงสหรัฐในการตอบสนอง ความต้องการของคนรุ่นใหม่ เหมือนกับจะเป็นข้อเตือนให้เห็นว่า การเหยียดผิว ไม่ยอมรับศิลปินผิวดําของตน หรือการ "White Wash" ศิลปินดังกล่าวโดยใช้ Elvis หรือ Pat Boon นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และทําให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรุ่นใหม่ กับวงการบันเทิง
เรื่องสุดท้ายที่ขาดไม่ได้จากประวัติของดนตรี Rock ก็คือเรื่องเซ็กซ์ ผมยังจําได้ถึงเมื่อคราวเริ่มแตกหนุ่ม ได้ไปชม concert ของศิลปินสาวท่านหนึ่ง
สะโพกรุ่นยักษ์ของเธอ ส่ายสะบัดไปตามจังหวะอันหนักหน่วง บรรเลงด้วยตัณหา อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่หยุดไม่ยั้ง เพลงแล้วเพลงเล่า จนผู้ชมนับพัน ต้องระเบิดขึ้นด้วยอารมณ์ ร้อนเดือด ราวกับฝูงสัตว์ที่ถูกเผาด้วยคําสาป ของเทพยดากาลี.....ไอ้โต่งเพื่อนซี้ มันต้องถึงกับนํ้าแตกแยกทางไปทีเดียว
ทําไมเพลง Rock จึงมีเรื่องเซ็กซ์เจอปนอยู่มากนั้น เราคงต้องไม่ลืมว่า จริงๆแล้วเพลง Rock ก็คือเพลง Blues แบบ "ช้างตกมัน" นั่นเอง ในเพลงบลูส์นั้นเรื่องเซ็กซ์มักจะเป็นเรื่องที่ขับร้องกันได้เป็นของธรรมดา เพราะมันเป็นคนตรีของชนชั้นล่าง แล้วชนชั้นล่างที่เป็นทาสหรือคนจนในสังคมมะกัน เขาจะมีทางเลือกหรือทางออกในแง่บันเทิง อะไรได้เล่า นอกจากการเขย่าเคล้าคลึงกันบนเตียง อย่างที่เคยมีคํากล่าวไว้ว่า
"Bed is a poor man's grand opera"
3 Comments:
เหอะๆๆข้อมูลดีค่ะ แต่ทำไมต้องเขย่ากันบนเตียง
มายค้าวจาย ...i งง
Posted by เหอๆ
By Anonymous, At 7/02/2006 01:27:00 PM
ทำไมเพลงร็อคเนื้อหาถึงรุนแรง...แต่ก็ตรงดีมากเลย
แล้ว..ร็อค..กับ..เมทัล..แตกต่างกันตรงไหนคะ
แต่เป็ปว่าเมทัลฟังยาก..ร็อคเข้าใจง่ายกว่า...เป็ปคิดว่างั้นนะ
สาวกเพลงร็อคสู้ตาย
Posted by วิศยาษา
By Anonymous, At 7/03/2006 04:13:00 PM
MGM National Harbor launches sports betting app at
MGM National 목포 출장샵 Harbor has launched sports betting 충청남도 출장마사지 app at the MGM Grand 구미 출장샵 in Maryland. The Maryland-based sports betting app 전라남도 출장샵 is available in Jun 26, 2021 경산 출장샵
By yaseaddy, At 3/04/2022 08:41:00 AM
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home