ขายชินคอร์ปฯกับความมั่นคงของชาติ
โดย วิชัย บำรุงฤทธิ์
ผู้ใดกระทำการใดๆเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบ หรือการสงคราม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี ถ้าความผิดดังกล่าวในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
ข้อความข้างต้นนั้นเป็นบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันท่านผู้อ่านเฉลียวใจบ้างหรือไม่ว่า ทำไม?การชุมนุมของผู้คนวงการต่างๆ ณ ท้องสนามหลวงจึงมีผ้าคาดหัวว่า “กู้ชาติ”และหากท่านติดตามเรื่องราวการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบครัวของท่านนายกฯทักษิณมีส่วนได้ประโยชน์ก็จะทำให้ท่านเริ่มได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้าง
ณ ที่นี้ผู้เขียนจะไม่นำพฤติกรรมยอกย้อนซ่อนเงื่อนเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีการค้าที่ลูกชายและลูกสาวของท่านนายกฯได้มีส่วนรู้เห็นจนกระทั่งลูกชายจะถูกปรับในข้อหาไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาของตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่สิ่งที่จะให้ท่านผู้อ่านร่วมพิจารณามันเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น เพราะเกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ
คงเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าบริษัทชินคอร์ปฯของตระกูลชินวัตรมีบริษัทในเครือชื่อบริษัทชินแซทฯที่เป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียมไทยคมและไอพีสตาร์
ผู้เขียนใคร่ขอความกรุณาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปอ่านข้อความของประมวลกฎหมายอาญามาตรา124 ข้างต้นอีกสักสามครั้ง ...หากท่านพิจารณาถ้อยคำทีละวรรคทีละประโยค คงจะพบว่าความมั่นคงของชาติไทยอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับ “การเสี่ยงภัย” อยู่ในภาวะ ที่ “ล่อแหลม” อยู่ในภาวะที่ “ไร้หลักประกัน”นับตั้งแต่บริษัทชินคอร์ปฯได้โอนสิทธิ การใช้ประโยชน์ไปให้บริษัทเทมาเสกซึ่งเป็นบริษัทในกำกับของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์
เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายประสานกับการขายหุ้นชินคอร์ปฯไม่เป็นสงสัยเลยว่าบริษัทที่ลูกชายและลูกสาวท่านนายกฯตลอดจนเครือญาติ “ตระกูลชินวัตร” มีส่วนเกี่ยวข้องในการ ให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ที่สามารถจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดาวเทียมไทยคม และไอพีสตาร์ที่จะเรียกดู เรียกเก็บข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ “ความลับ”ของประเทศ อาทิ ลักษณะรายละเอียดทางกายภาพของประเทศ,ที่ตั้งหน่วยราชการ, ที่ตั้งหน่วยทหาร ,การกระจุกตัวของชุมชนฯลฯ ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่ไม่พึงเปิดเผยโดยละเอียดแก่ต่างชาติ เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติยิ่งเทคโนโลยี ผ่านดาวเทียมในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเก็บข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์และที่สำคัญเขาสามารถใช้ตลอด24ชั่วโมง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือผู้บริหารชินคอร์ปฯไม่เฉลียวใจบ้างเลยหรือว่าการขายหุ้นของตนนั้นส่งผลกระทบที่นำความมั่นคงของชาติไปสู่ความเสี่ยง ที่ชาวต่างชาติมีส่วนได้ประโยชน์อย่างมหาศาลด้านข่าวและข้อมูล นอกเหนือจากผลประโยชน์ด้านกำไรที่มีมูลค่าเป็นเงิน...และนี่คือที่มาของการที่นายกฯทักษิณถูกวิพากษ์อย่างหนักหน่วงเพราะมันเกี่ยวข้องกับท่านอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ ด้านหนึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวท่านนายกฯอีกด้านหนึ่งมันบ่งชี้ว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขาด “จริยธรรมทางการบริหาร”เป็นอย่างมากที่คำนึงถึงแต่ “กำไรสูงสุด”ของเอกชนโดยไม่คำนึงถึง “ความมั่นคงแห่งชาติ”
เสียงตอบโต้จากนายแพทย์พรหมมินทร์ ผู้ปกป้องท่านนายกฯนั้นอ้างแต่เพียงว่า สัดส่วนในการถือหุ้นยังถือว่าเป็นบริษัทของคนไทยอยู่(โดยปกปิดไม่ให้ประชาชนทราบว่าสิทธิในการบริหารจัดการบริษัทนั้นอยู่ภายใต้การบงการของรัฐบาลสิงคโปร์โดยสิ้นเชิง)ซึ่งเป็นการย้ำให้เห็นว่า “ความมั่นคงของชาติ”ของรัฐบาลชุดนี้มีค่าด้อยกว่า “กำไรสูงสุด”ของบริษัทชินคอร์ปฯ
ด้วยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นที่มาของคำตอบว่า เหตุใดการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงจึงใช้สโลแกนคำว่า “กู้ชาติ”อย่างชัดถ้อยชัดคำ...
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและผู้ศรัทธาเลื่อมใสเห็นว่าผู้เขียนมีอคติ เป็นพวกอันธพาลหาเรื่องก็โปรดตอบให้กระจ่างชัดในวันที่แถลงข่าว หรือวันที่ปราศรัยที่ใดก็ได้ว่า การขายหุ้นของชินคอร์ปฯต่อประเด็นนี้มันเหมาะสมและชอบด้วยจริยธรรมของผู้บริหารประเทศแล้ว?
การกล่าวอ้างว่าทำทุกอย่างตามกติกาและ ชอบด้วยกฎหมายนั้นแท้จริงแล้วก็หมิ่นเหม่อย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในรูปธรรมของปัญหา
เมื่อพิจารณาจากบรรทัดฐานด้านจริยธรรมและคุณธรรมในการบริหารประเทศในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศต่อกรณีดังกล่าวก็คงมีข้อสรุปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ทักษิณ ...ออกไป”เป็นคำตอบสุดท้ายที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
การอาสากลับบริหารกิจการบ้านเมืองอีกวาระหนึ่งเป็นสิ่งไม่พึงกระทำจนกว่าท่านจะสะสางเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน...ผู้ทำหน้าที่รักษากฎกติกาด้านความมั่นคงของชาติควรเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้แล้วกระมัง?
ผู้ใดกระทำการใดๆเพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบ หรือการสงคราม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี ถ้าความผิดดังกล่าวในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
ข้อความข้างต้นนั้นเป็นบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันท่านผู้อ่านเฉลียวใจบ้างหรือไม่ว่า ทำไม?การชุมนุมของผู้คนวงการต่างๆ ณ ท้องสนามหลวงจึงมีผ้าคาดหัวว่า “กู้ชาติ”และหากท่านติดตามเรื่องราวการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบครัวของท่านนายกฯทักษิณมีส่วนได้ประโยชน์ก็จะทำให้ท่านเริ่มได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้าง
ณ ที่นี้ผู้เขียนจะไม่นำพฤติกรรมยอกย้อนซ่อนเงื่อนเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีการค้าที่ลูกชายและลูกสาวของท่านนายกฯได้มีส่วนรู้เห็นจนกระทั่งลูกชายจะถูกปรับในข้อหาไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาของตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่สิ่งที่จะให้ท่านผู้อ่านร่วมพิจารณามันเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น เพราะเกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ
คงเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าบริษัทชินคอร์ปฯของตระกูลชินวัตรมีบริษัทในเครือชื่อบริษัทชินแซทฯที่เป็นเจ้าของสัมปทานดาวเทียมไทยคมและไอพีสตาร์
ผู้เขียนใคร่ขอความกรุณาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปอ่านข้อความของประมวลกฎหมายอาญามาตรา124 ข้างต้นอีกสักสามครั้ง ...หากท่านพิจารณาถ้อยคำทีละวรรคทีละประโยค คงจะพบว่าความมั่นคงของชาติไทยอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับ “การเสี่ยงภัย” อยู่ในภาวะ ที่ “ล่อแหลม” อยู่ในภาวะที่ “ไร้หลักประกัน”นับตั้งแต่บริษัทชินคอร์ปฯได้โอนสิทธิ การใช้ประโยชน์ไปให้บริษัทเทมาเสกซึ่งเป็นบริษัทในกำกับของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์
เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายประสานกับการขายหุ้นชินคอร์ปฯไม่เป็นสงสัยเลยว่าบริษัทที่ลูกชายและลูกสาวท่านนายกฯตลอดจนเครือญาติ “ตระกูลชินวัตร” มีส่วนเกี่ยวข้องในการ ให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ที่สามารถจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดาวเทียมไทยคม และไอพีสตาร์ที่จะเรียกดู เรียกเก็บข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ “ความลับ”ของประเทศ อาทิ ลักษณะรายละเอียดทางกายภาพของประเทศ,ที่ตั้งหน่วยราชการ, ที่ตั้งหน่วยทหาร ,การกระจุกตัวของชุมชนฯลฯ ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่ไม่พึงเปิดเผยโดยละเอียดแก่ต่างชาติ เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติยิ่งเทคโนโลยี ผ่านดาวเทียมในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเก็บข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์และที่สำคัญเขาสามารถใช้ตลอด24ชั่วโมง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือผู้บริหารชินคอร์ปฯไม่เฉลียวใจบ้างเลยหรือว่าการขายหุ้นของตนนั้นส่งผลกระทบที่นำความมั่นคงของชาติไปสู่ความเสี่ยง ที่ชาวต่างชาติมีส่วนได้ประโยชน์อย่างมหาศาลด้านข่าวและข้อมูล นอกเหนือจากผลประโยชน์ด้านกำไรที่มีมูลค่าเป็นเงิน...และนี่คือที่มาของการที่นายกฯทักษิณถูกวิพากษ์อย่างหนักหน่วงเพราะมันเกี่ยวข้องกับท่านอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ ด้านหนึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวท่านนายกฯอีกด้านหนึ่งมันบ่งชี้ว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขาด “จริยธรรมทางการบริหาร”เป็นอย่างมากที่คำนึงถึงแต่ “กำไรสูงสุด”ของเอกชนโดยไม่คำนึงถึง “ความมั่นคงแห่งชาติ”
เสียงตอบโต้จากนายแพทย์พรหมมินทร์ ผู้ปกป้องท่านนายกฯนั้นอ้างแต่เพียงว่า สัดส่วนในการถือหุ้นยังถือว่าเป็นบริษัทของคนไทยอยู่(โดยปกปิดไม่ให้ประชาชนทราบว่าสิทธิในการบริหารจัดการบริษัทนั้นอยู่ภายใต้การบงการของรัฐบาลสิงคโปร์โดยสิ้นเชิง)ซึ่งเป็นการย้ำให้เห็นว่า “ความมั่นคงของชาติ”ของรัฐบาลชุดนี้มีค่าด้อยกว่า “กำไรสูงสุด”ของบริษัทชินคอร์ปฯ
ด้วยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นที่มาของคำตอบว่า เหตุใดการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงจึงใช้สโลแกนคำว่า “กู้ชาติ”อย่างชัดถ้อยชัดคำ...
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและผู้ศรัทธาเลื่อมใสเห็นว่าผู้เขียนมีอคติ เป็นพวกอันธพาลหาเรื่องก็โปรดตอบให้กระจ่างชัดในวันที่แถลงข่าว หรือวันที่ปราศรัยที่ใดก็ได้ว่า การขายหุ้นของชินคอร์ปฯต่อประเด็นนี้มันเหมาะสมและชอบด้วยจริยธรรมของผู้บริหารประเทศแล้ว?
การกล่าวอ้างว่าทำทุกอย่างตามกติกาและ ชอบด้วยกฎหมายนั้นแท้จริงแล้วก็หมิ่นเหม่อย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในรูปธรรมของปัญหา
เมื่อพิจารณาจากบรรทัดฐานด้านจริยธรรมและคุณธรรมในการบริหารประเทศในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศต่อกรณีดังกล่าวก็คงมีข้อสรุปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ทักษิณ ...ออกไป”เป็นคำตอบสุดท้ายที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
การอาสากลับบริหารกิจการบ้านเมืองอีกวาระหนึ่งเป็นสิ่งไม่พึงกระทำจนกว่าท่านจะสะสางเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน...ผู้ทำหน้าที่รักษากฎกติกาด้านความมั่นคงของชาติควรเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้แล้วกระมัง?
3 Comments:
เขียนดีค่ะ แต่ชวนให้สงสัยนิดหนึ่งว่า ปกติแล้วดาวเทียมทุกดวงจะโคจรรอบโลกอยู่แล้ว จึงสามารถถ่ายภาพจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ของไทยได้ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียมของชาติใดมิใช่หรือ สำหรับชิน แซท สิ่งที่สิงคโปร์จะได้ไปคือทำให้เขาดักฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ และ อีเมล์ ใช่หรือไม่คะ
Posted by มรกต
By Anonymous, At 3/04/2006 09:09:00 PM
เลิกใช้...........เลิกสนับสนุน.........เราเป็นคนหนึ่งที่จะเลิกใช้สินค้าเหล่านี้....
เอไอ เอส (AIS)
ไอ ที วี (ITV)
โรมแรม S C Park (ไม่มั่นใจว่ายังเป็นของทักษิณ หรือไม่ รู้สึกว่าจะใช่)
เงินกู้ capital
ซื้อ เช่า อสังหาริมทรัพย์ SC asset
แอร์เอเชีย (Air Asia)
ผ้าไหมชินวัตร
คิงส์เพาเวอร์ (King Power ….duty free)
เซเว่น (7 / 11)
นมเมจิ (Meji)
ทรู (True)
ออเร้นท์ (Orange)
เพชดีกรี (อาหารหมาโดยซีพี) Pedegree
อาหารปลายี่ห้อ เจริญโภคภัณฑ์
ซอสแม็กกี้ (ไม่แน่ใจ)
ไส้กรอกไก่ซีพี (CP)
เชสเตอร์กริล (Chester Grill)
ทราบมาว่า เคนตั๊กกี้รับไก่จากซีพี??
ไข่ซีพี (ไม่รู้จะแยกออกมั๊ย เรากะว่าต่อไปนี้จะเป็นมังสะวิรัตแท้ ๆ แล้ว โดยไม่กินไข่ด้วย ถ้าหลีกเลี่ยงได้)
กาแฟเนสท์เล่ (Nestle)
Posted by ___
By Anonymous, At 3/06/2006 07:47:00 PM
กินขี้ไปแล้วกัน
Posted by xxx
By Anonymous, At 3/16/2006 07:14:00 PM
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home