สงครามเด่น ที่สหรัฐอเมริกาแพ้
ปี 1951 แพ้จีน ที่ เกาหลี
ทหารจีนร่วมแสนคน"เดิน"กันไปล้อมทหารมะกันและ UN ที่เกาหลี ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีครั้งแรกในตอนคํ่าปี 1950 ท่านอย่าคิดว่าทหารจีนเขาจะ"เดิน" กันเป็นกองทัพให้เห็นกันง่ายๆนะ เขาค่อยๆ"เดิน" กันมาตอนกลางคืน และพักนอนตอนกลางวัน ด้วยเหตุนี้กองทัพมะกันจึงถูกรุมล้อมและ โจมตีโดยมิได้คาดหมายเอาไว้ กองทัพมะกันและ UN สูญเสียทหารและบาดเจ็บทั้งหมด 1,093,839 คน จากการถูกโจมตี 5 ครั้งโดยจีน ทางฝ่ายจีนเองก็บาดเจ็บถึง 390,000 คน แต่การโจมตีทั้ง 5 ครั้งนี้ทําให้ทหารมะกันและ UN ต้องพ่ายแพ้ และต้องถอยทัพติดกันเป็นเส้นทางที่ยาวไกลอย่างไม่เคยมีปรากฎการณ์มาก่อนในประวัติศาสตร์ แมคอาเทอ นายพลมะกันโกรธจัดจะใช้ระเบิดปรมาณูทลายเมืองต่างๆในจีน แต่ประธานาธิบดีมะกันกลัวโซเวียตจะเข้ามาร่วมใช้ระเบิดปรมาณูต้าน จึงทําให้เกิดการถกเถียงกันภายในกองทัพมะกัน ผลก็คือนายพล แมคอาเทอ ถูกปลดออกจากตําแหน่ง ส่วนทหารมะกันและ UN ซึ่งต้องถอยทัพอันยาวไกล ลงมาจากเกาหลีเหนือนั้นก็ปักหลักตั้งรับอยู่ที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 1953 มาจนถึงปัจจุบัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 1961 แพ้คิวบา
ในปี 1959 นั้นคงเป็นปีที่น่าตกใจมิน้อยสําหรับนักท่องเที่ยว และนายทุนอเมริกันในประเทศคิวบา ที่ต้องถูกสลับฉากจาก ระบําโป๊ของสาวช่าช่า มาเป็นภาพของกลุ่ม นักปฎิวัติสังคมนิยมหนวดเครารุงรัง ซึ่งโผล่ออกมาจากป่าเพื่อยึดที่ทางและธุรกิจของชาวมะกันเอาไว้เป็นของส่วนรวมของชาวคิวบา "คนป่า" กลุ่มนี้ซึ่งนําโดย นายแพทย์เอินเนสโต กูวาร่า (Che) และ ดร. ฟิเดล คาสโตร ประกาศว่าประเทศคิวบา จะไม่ฟังคําสั่งจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป รัฐบาลมะกันและประธานาธิบดี จอน เคนเนดี ได้รับรู้ข่าวก็โกรธ พร้อมส่งกองทัพของ CIA ไปลงที่หาดในประเทศคิวบาในปี 1961 เพื่อเตรียมยึดประเทศกลับคืน พวก CIA หาได้รู้ไม่ว่า ดร. ฟิเดล คาสโตร และกลุ่ม "คนป่า" ทั้งหลายได้เตรียมตัว ต้อนรับพวกเขาไว้นานแล้ว ครั้นได้เวลาก็เข้าโจมตีกองทัพมะกัน และสามารถกวาดล้างและ จับกุมกองกําลังทั้งหมดของมะกันได้โดยใช้เวลาเพียง 72 ชั่วโมง เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่น่าอับอายอย่างยิ่งต่อรัฐบาลมะกัน หลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐอเมริกาจึงแก้แค้นโดยการควํ่าบาตรประเทศคิวบาทางเศรษฐกิจมาตลอดจนถึงบัดนี้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 1975 แพ้เวียดนาม
หลังจากปี 1954 เมื่อเวียดนามได้ชัยชนะจากฝรั่งเศส ประชาชนชาวเวียดนามก็เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรมทั่วเวียดนาม แต่ทางสหรัฐอเมริกากลัวว่าโฮจิมินจะได้รับเลือกเพราะประชาชนเลื่อมใสเขามาก จากการที่เขาเป็นผู้นํา ในการกู้เอกราชมาจากฝรั่งเศส สหรัฐจึงตั้งรัฐบาลชั่วคราวไว้ที่เวียดนามใต้ เพื่อดูแลผลประโยชน์ ของตนที่หลงเหลือมาจาก สมัยจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส โดยมิยอมให้มีการเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ของเวียดนามเห็นว่าเวียดนามใต้ นั้นเป็นเพียงรัฐบาล "หุ่น" ของสหรัฐ พวกเขาจึงเริ่ม เสื่อมศรัทธาและหัน ไปร่วมมือกับรัฐบาลของโฮจิมินแทน สหรัฐอเมริกาจึงเริ่มส่งกองทหารไป คุ้มกันรัฐบาลเวียดนามใต้ในช่วง 1965 มิให้เสื่อมลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และได้มีการรบพุ่งกันขึ้น หลายครั้งกับทหารเวียดนามเหนือ พอมาถึงปี 1968 ทหารสหรัฐในเวียดนามมีจํานวนมากถึง 500,000 คน หลายท่านนั้นก็ได้มาประจํา อยู่แถวถนนพัฒน์พงค์ในบ้านเรานั่นเอง คงเป็นที่น่าเสียดายสําหรับนายทุนประเวณี ที่จะต้องสูญเสียลูกค้าประจําดังกล่าว เมื่อทหารสหรัฐได้ถูกโจมตีอย่างหนัก โดยกองกําลังเวียดนามเหนือ ในช่วงปีใหม่ของ 1968 ทางสหรัฐได้เสียทหารจากการถูกโจมตีครั้วนั้น 5000 คน ทําให้เกิดกระแสต่อต้านสงคราม อย่างแรงขึ้นในเมืองมะกัน ริชาร์ด นิคสัน ประธานาธิบดีคนใหม่ จึงเริ่มการถอนทหารออกจากเวียดนามจนหมดภายในปี 1973 ต่อมาอีกสองปี สงครามเวียดนามก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 2006 แพ้ไทย ที่สนามหลวง
โปรดติดตามได้เร็วๆนี้ จากการออกไปของ "หุ่น" หน้าเหลี่ยมอันเป็นที่รักของสหรัฐ แม้ว่าสื่อสหรัฐอย่าง Washington Post หรือ CNN จะวิจารณ์ว่า "หุ่น" ของประเทศตนนั้นยังแข็งแรงในชนบทอยู่ก็ตาม
การออกไปของ "หุ่นหน้าเหลี่ยม" ย่อมมีผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐ และจะเป็นเหตุให้กองกําลังสหรัฐ (และ CIA) ไม่สามารถใช้ราชอาณาจักรไทยเป็นฐานทัพได้อีกต่อไป ประเทศไทยจะมีเพื่อนในภูมิภาคมากขึ้น และความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลงในที่สุด ไทยจะสามารถต่อรอง FTA กับจีนได้ เพราะจีนได้ประโยชน์จากการเป็นมิตรกับไทยทางด้านยุทธศาสตร์ภูมิภาค (geo-politics) มากกว่าการขายหอม และ กระเทียม
การตื่นตัวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่พร้อมกับการรวมตัวของคนตุลาฯให้รัฐบาล (หลังจากได้เตะ "หน้าเหลี่ยม" ออกไป) จะทําให้พรรคสุนัขจรจัดของสหรัฐ (อย่างประชาธิปัตย์) ต้องสูญเสียความชอบธรรมไปด้วยกันกับ ประชาธิปไตยแบบตัวแทน
ต่างชาติจะต้องหันมาศึกษาประชาธิปไตยแบบไทยๆ ประชาธิปไตยที่เสียงดัง รุงรัง ยุ่งเหยิง เซ็กซี่ เร่าร้อน เหงื่อตก ตดเหม็น จริงใจ และใฝ่สูง !
มันเป็นประชาธิปไตยของการถกเถียง ประชาธิปไตยของการจัดเวที ประชาธิปไตยของการปวดขี้ (เพราะอิ่มท้อง) และที่สําคัญ มันเป็นประชาธิปไตยของการ "วิวัฒนาการ" ร่วมกัน ไม่ใช่ประชาธิปไตยของการ "โหวต"ร่วมกัน
โปรดติดตามได้เร็วๆนี้ !
ทหารจีนร่วมแสนคน"เดิน"กันไปล้อมทหารมะกันและ UN ที่เกาหลี ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีครั้งแรกในตอนคํ่าปี 1950 ท่านอย่าคิดว่าทหารจีนเขาจะ"เดิน" กันเป็นกองทัพให้เห็นกันง่ายๆนะ เขาค่อยๆ"เดิน" กันมาตอนกลางคืน และพักนอนตอนกลางวัน ด้วยเหตุนี้กองทัพมะกันจึงถูกรุมล้อมและ โจมตีโดยมิได้คาดหมายเอาไว้ กองทัพมะกันและ UN สูญเสียทหารและบาดเจ็บทั้งหมด 1,093,839 คน จากการถูกโจมตี 5 ครั้งโดยจีน ทางฝ่ายจีนเองก็บาดเจ็บถึง 390,000 คน แต่การโจมตีทั้ง 5 ครั้งนี้ทําให้ทหารมะกันและ UN ต้องพ่ายแพ้ และต้องถอยทัพติดกันเป็นเส้นทางที่ยาวไกลอย่างไม่เคยมีปรากฎการณ์มาก่อนในประวัติศาสตร์ แมคอาเทอ นายพลมะกันโกรธจัดจะใช้ระเบิดปรมาณูทลายเมืองต่างๆในจีน แต่ประธานาธิบดีมะกันกลัวโซเวียตจะเข้ามาร่วมใช้ระเบิดปรมาณูต้าน จึงทําให้เกิดการถกเถียงกันภายในกองทัพมะกัน ผลก็คือนายพล แมคอาเทอ ถูกปลดออกจากตําแหน่ง ส่วนทหารมะกันและ UN ซึ่งต้องถอยทัพอันยาวไกล ลงมาจากเกาหลีเหนือนั้นก็ปักหลักตั้งรับอยู่ที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 1953 มาจนถึงปัจจุบัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 1961 แพ้คิวบา
ในปี 1959 นั้นคงเป็นปีที่น่าตกใจมิน้อยสําหรับนักท่องเที่ยว และนายทุนอเมริกันในประเทศคิวบา ที่ต้องถูกสลับฉากจาก ระบําโป๊ของสาวช่าช่า มาเป็นภาพของกลุ่ม นักปฎิวัติสังคมนิยมหนวดเครารุงรัง ซึ่งโผล่ออกมาจากป่าเพื่อยึดที่ทางและธุรกิจของชาวมะกันเอาไว้เป็นของส่วนรวมของชาวคิวบา "คนป่า" กลุ่มนี้ซึ่งนําโดย นายแพทย์เอินเนสโต กูวาร่า (Che) และ ดร. ฟิเดล คาสโตร ประกาศว่าประเทศคิวบา จะไม่ฟังคําสั่งจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป รัฐบาลมะกันและประธานาธิบดี จอน เคนเนดี ได้รับรู้ข่าวก็โกรธ พร้อมส่งกองทัพของ CIA ไปลงที่หาดในประเทศคิวบาในปี 1961 เพื่อเตรียมยึดประเทศกลับคืน พวก CIA หาได้รู้ไม่ว่า ดร. ฟิเดล คาสโตร และกลุ่ม "คนป่า" ทั้งหลายได้เตรียมตัว ต้อนรับพวกเขาไว้นานแล้ว ครั้นได้เวลาก็เข้าโจมตีกองทัพมะกัน และสามารถกวาดล้างและ จับกุมกองกําลังทั้งหมดของมะกันได้โดยใช้เวลาเพียง 72 ชั่วโมง เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่น่าอับอายอย่างยิ่งต่อรัฐบาลมะกัน หลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐอเมริกาจึงแก้แค้นโดยการควํ่าบาตรประเทศคิวบาทางเศรษฐกิจมาตลอดจนถึงบัดนี้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 1975 แพ้เวียดนาม
หลังจากปี 1954 เมื่อเวียดนามได้ชัยชนะจากฝรั่งเศส ประชาชนชาวเวียดนามก็เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรมทั่วเวียดนาม แต่ทางสหรัฐอเมริกากลัวว่าโฮจิมินจะได้รับเลือกเพราะประชาชนเลื่อมใสเขามาก จากการที่เขาเป็นผู้นํา ในการกู้เอกราชมาจากฝรั่งเศส สหรัฐจึงตั้งรัฐบาลชั่วคราวไว้ที่เวียดนามใต้ เพื่อดูแลผลประโยชน์ ของตนที่หลงเหลือมาจาก สมัยจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส โดยมิยอมให้มีการเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ของเวียดนามเห็นว่าเวียดนามใต้ นั้นเป็นเพียงรัฐบาล "หุ่น" ของสหรัฐ พวกเขาจึงเริ่ม เสื่อมศรัทธาและหัน ไปร่วมมือกับรัฐบาลของโฮจิมินแทน สหรัฐอเมริกาจึงเริ่มส่งกองทหารไป คุ้มกันรัฐบาลเวียดนามใต้ในช่วง 1965 มิให้เสื่อมลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และได้มีการรบพุ่งกันขึ้น หลายครั้งกับทหารเวียดนามเหนือ พอมาถึงปี 1968 ทหารสหรัฐในเวียดนามมีจํานวนมากถึง 500,000 คน หลายท่านนั้นก็ได้มาประจํา อยู่แถวถนนพัฒน์พงค์ในบ้านเรานั่นเอง คงเป็นที่น่าเสียดายสําหรับนายทุนประเวณี ที่จะต้องสูญเสียลูกค้าประจําดังกล่าว เมื่อทหารสหรัฐได้ถูกโจมตีอย่างหนัก โดยกองกําลังเวียดนามเหนือ ในช่วงปีใหม่ของ 1968 ทางสหรัฐได้เสียทหารจากการถูกโจมตีครั้วนั้น 5000 คน ทําให้เกิดกระแสต่อต้านสงคราม อย่างแรงขึ้นในเมืองมะกัน ริชาร์ด นิคสัน ประธานาธิบดีคนใหม่ จึงเริ่มการถอนทหารออกจากเวียดนามจนหมดภายในปี 1973 ต่อมาอีกสองปี สงครามเวียดนามก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ปี 2006 แพ้ไทย ที่สนามหลวง
โปรดติดตามได้เร็วๆนี้ จากการออกไปของ "หุ่น" หน้าเหลี่ยมอันเป็นที่รักของสหรัฐ แม้ว่าสื่อสหรัฐอย่าง Washington Post หรือ CNN จะวิจารณ์ว่า "หุ่น" ของประเทศตนนั้นยังแข็งแรงในชนบทอยู่ก็ตาม
การออกไปของ "หุ่นหน้าเหลี่ยม" ย่อมมีผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ของสหรัฐ และจะเป็นเหตุให้กองกําลังสหรัฐ (และ CIA) ไม่สามารถใช้ราชอาณาจักรไทยเป็นฐานทัพได้อีกต่อไป ประเทศไทยจะมีเพื่อนในภูมิภาคมากขึ้น และความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลงในที่สุด ไทยจะสามารถต่อรอง FTA กับจีนได้ เพราะจีนได้ประโยชน์จากการเป็นมิตรกับไทยทางด้านยุทธศาสตร์ภูมิภาค (geo-politics) มากกว่าการขายหอม และ กระเทียม
การตื่นตัวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่พร้อมกับการรวมตัวของคนตุลาฯให้รัฐบาล (หลังจากได้เตะ "หน้าเหลี่ยม" ออกไป) จะทําให้พรรคสุนัขจรจัดของสหรัฐ (อย่างประชาธิปัตย์) ต้องสูญเสียความชอบธรรมไปด้วยกันกับ ประชาธิปไตยแบบตัวแทน
ต่างชาติจะต้องหันมาศึกษาประชาธิปไตยแบบไทยๆ ประชาธิปไตยที่เสียงดัง รุงรัง ยุ่งเหยิง เซ็กซี่ เร่าร้อน เหงื่อตก ตดเหม็น จริงใจ และใฝ่สูง !
มันเป็นประชาธิปไตยของการถกเถียง ประชาธิปไตยของการจัดเวที ประชาธิปไตยของการปวดขี้ (เพราะอิ่มท้อง) และที่สําคัญ มันเป็นประชาธิปไตยของการ "วิวัฒนาการ" ร่วมกัน ไม่ใช่ประชาธิปไตยของการ "โหวต"ร่วมกัน
โปรดติดตามได้เร็วๆนี้ !